โรนัลโด้ VS เมสซี่ สมรภูมิสุดท้ายต่างสังเวียน
แม้จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายชีวิตการค้าแข้งของทั้งคู่ แต่เส้นทางคู่ขนานของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ก็ทำให้ชื่อของทั้ง 2 คน ถูกหยิบยกมาสู่ประเด็นดีเบตว่าใครเก่งกว่าใครอีกครั้ง
เนื่องด้วยในช่วง 1 เดือนนับจากนี้ ทั้งโรนัลโด้และเมสซี่ต่างมีภารกิจรับใช้ทีมชาติในศึกฟุตบอลรายการใหญ่ระดับทวีป ซึ่งอาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ระดับทีมชาติรายการสุดท้ายของทั้งคู่แล้วก็เป็นได้
โรนัลโด้กับทีมชาติ โปรตุเกส จะทำการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2024 ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน-14 กรกฎาคม ขณะที่เมสซี่จะนำทีมชาติ อาร์เจนตินา เข้าร่วมศึก โคปา อเมริกา ที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน-14 กรกฎาคม
ทั้งคู่ต่างก็เคยคว้าแชมป์รายการนั้นๆ มาแล้ว โดยเมสซี่พาทีมฟ้า-ขาวเป็นแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ในการแข่งขันครั้งที่แล้วเมื่อปี 2021 ขณะที่โรนัลโด้เคยร่วมชูถ้วยแชมป์ยุโรปในปี 2016
ในแง่สถิติการลงสนามเฉพาะถ้วยดังกล่าวของทั้งคู่ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก โดยโรนัลโด้ทำประตูรวมได้มากกว่า ขณะที่เมสซี่แอสซิสต์เหนือกว่า
โรนัลโด้ลงแข่งขันยูโร 25 นัด ยิงได้ 14 ประตู (ลูกโทษ 3 ฟรีคิก 0) กับ 6 แอสซิสต์ มีสถิติเฉลี่ยทำ 1 ประตู ในทุกๆ 153.7 นาที และมีส่วนร่วมกับประตู (ยิงเองหรือแอสซิสต์) 1 ลูก ทุกๆ 107.7 นาที
ฝั่งเมสซี่ลงเตะโคปา อเมริกา 34 นัด ยิงได้ 13 ประตู (ลูกโทษ 3 ฟรีคิก 4) กับ 17 แอสซิสต์ ทำสถิติเฉลี่ยยิง 1 ประตูทุก 223.5 นาที และมีส่วนร่วมกับประตู 1 ลูก ทุกๆ 96.9 นาที
อันที่จริงด้วยอายุซึ่งโรนัลโด้แก่กว่าเมสซี่ 3 ปี (ปัจจุบันโรนัลโด้ 39 ปี เมสซี่ 36 ปี) บทบาทในทีมของทั้งคู่ก็แตกต่างกัน
CR7 ไม่ใช่ตัวหลักขาประจำใน 11 ตัวแรกของทีมชาติโปรตุเกสอีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะฟิตขนาดไหน เรื่องความคล่องตัวย่อมสู้สมัยหนุ่มๆ ไม่ได้ การจะยืนระยะ 90-120 นาทีทุกนัดตลอดทัวร์นาเมนต์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ยังเป็นไพ่ตายที่พร้อมถูกส่งลงไปเพื่อเปลี่ยนเกมเสมอ
กุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ บอกว่า ประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัวของเขาจะเป็นประโยชน์กับทีมอย่างแน่นอน เนื่องจากโรนัลโด้ยังคงทำได้ดีสม่ำเสมอในการเล่นให้ต้นสังกัด อัล นาสเซอร์ ในซาอุดี โปรลีก อีกทั้งยังมีสัญชาตญาณการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม เป็นนักเตะคนเดียวที่เคยเล่นยูโรมา 5 สมัยก่อนหน้านี้ ในแง่ความเก๋าจึงช่วยทีมได้มาก โดยเฉพาะการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมนอกสนาม
ส่วนฝั่งเมสซี่ ทุกวันนี้ยังคงเป็นตัวหลักในทีมชาติอาร์เจนตินาในฐานะกัปตันทีม และกำลังลุ้นทำสถิตินักเตะที่ทำประตูสูงสุดในศึกโคปา อเมริกา โดยขาดอีก 5 ลูกก็จะสร้างสถิติดังกล่าวได้
อันที่จริง ประเด็นเรื่องใครเจ๋งกว่าใครนั้น กองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่งพยายามยกเหตุผลมาโต้ตอบกันในหลายยุคหลายสมัย ตอนโรนัลโด้พาโปรตุเกสครองแชมป์ยุโรปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หลายคนมองว่า โรนัลโด้เหนือกว่าในแง่ความเป็นผู้นำ และการมีแชมป์ระดับทีมชาติติดมือ
แต่สถานการณ์ของเมสซี่พลิกกลับมาได้เปรียบ เมื่อเขาพาทีมคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 2021 ต่อเนื่องด้วยตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในปีถัดมา แถมพ่วงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
เรียกว่าพอไปถึงจุดสูงสุดของวงการลูกหนังได้แล้วก็ทำให้เมสซี่ได้เปรียบเรื่องประเด็นดีเบตตำแหน่ง GOAT (Greatest off All Time) หรือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ค่อนข้างมาก
กระนั้น ในวัยย่าง 40 ปีของโรนัลโด้ ถึงแม้โปรตุเกสจะไม่ใช่ทีมเต็งอันดับต้นๆ ของศึกยูโรหนนี้ แต่บรรดากูรูและบริษัทรับพนันถูกกฎหมายหลายแห่งก็ยกเขาเป็นหนึ่งในตัวเต็งดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ โดยมีสถิตินักเตะที่ยิงประตูในระดับทีมชาติและสโมสรสูงสุดตลอดกาลรวม 895 ประตูเป็นเครื่องการันตี ขณะที่ประตูรวมระดับทีมชาติอย่างเดียวอยู่ที่ 130 ประตู ก็เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของนักฟุตบอลชายเช่นกัน
วันนี้ในวัย 39 ปี โรนัลโด้ยอมรับสภาพและสถานการณ์ของตัวเองว่า ด้วยวัยขนาดนี้ สิ่งสำคัญคือสนุกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า การยิงประตูให้ทีมชาติและการลงเล่นให้ทีมชาติถือเป็นสิ่งพิเศษและเป็นแพสชั่น ความรู้สึกตอนลงเล่นยูโรหนแรกในปี 2004 และตอนนี้คือความภูมิใจไม่ต่างกัน เหมือนเป็นของขวัญที่ยังคงได้เล่นอยู่ โดยเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงรักษาความเป็นมืออาชีพเพื่อช่วยทีมให้มากที่สุด ซึ่งถ้าคว้าแชมป์ยูโรได้อีกครั้งคงเหมือนฝันที่เป็นจริง
แม้จะเทียบไม่ได้กับตำแหน่งแชมป์โลก แต่ก็คงเพียงพอจุดประกายให้เกิดการถกเถียงกับคู่ปรับตลอดกาลของเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน!
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufa
|